ข่าวลุงพล 1

ตัดสินจําคุก 20 ปี "ลุงพล" ผิด 2 ข้อหาคดี "น้องชมพู่"
ประกันหลักทรัพย์ 5 แสน

ในคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” ที่มีอายุ 3 ขวบ, ลุงพลถูกพิพากษาจำคุก 2 ข้อหารวม 20 ปี, ส่วนป้าแต๋นได้ยื่นอุทธรณ์และศาลให้ประกันตัว 5 แสนบาท. ทีมทนายกำลังเตรียมอุทธรณ์ในขณะที่พ่อแม่น้องชมพู่ขอบคุณพยานปากเอก. การตรวจคดีของตำรวจชุดคลี่คลายเผยว่ามี 8 ประการที่สำคัญ. คดีมหากาพย์นี้มีความสำคัญและความน่าสนใจในระดับชาติเนื่องจากมีความเชื่อว่าน้องชมพู่อาจถูกล่อลวงออกจากบ้านและมีคนนำพาไปที่จุดเกิดเหตุ. ตำรวจคาดว่าผู้ก่อเหตุจะมีความชำนาญและความรู้จักคนในครอบครัว. คดีนี้ยาวนานถึง 3 ปี 7 เดือนและได้รับความสนใจจากประชาชน. ศาลจะอ่านคำพิพากษาในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนความรุนแรงของคดีที่เกิดขึ้น.

ศาลพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ ในศาลจังหวัดมุกดาหารได้เปิดเผยคำพิพากษาในวันที่ 20 ธันวาคม ณ ศาล นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” และน.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” สองสามีภรรยาจำเลยที่ 1-2 ในคดีนี้ เข้ามารับทราบคำพิพากษาพร้อมทีมทนายความ.

ในขณะที่ลุงพลสวมใส่เสื้อสูทสีกรมท่าและป้าแต๋นสวมใส่เสื้อสีขาว เมื่อเวลา 09.40 น. นายอนามัย วงศ์ศรีชาและนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อและแม่ของน้องชมพู่ มาร่วมที่ศาลเพื่อฟังคำพิพากษา พบว่าลุงพลและป้าแต๋นมีสีหน้าเคร่งเครียด.

การเคลื่อนไหวของเหตุการณ์นี้ได้รับความสนใจจากสื่อและประชาชนมากมาย เนื่องจากคดีนี้มีความลักลอบและซับซ้อน. เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ศาลจังหวัดมุกดาหารได้มีการอ่านคำพิพากษา ทนายความลุงพลยื่นอุทธรณ์และขอทนายความล่วงเข้ามารับทราบคำพิพากษาทันที. ทนายความเตรียมทำการที่ศาลแถลงข่าวหลังจากคำพิพากษาถูกทราบ.

นอกจากนี้, ที่ศาลเกิดเหตุชุลมุนทำให้เห็นความไม่พอใจจากทีมงานของลุงพล, โดยทำการดึงป้ายข้อความออกแล้วนำไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ. นายชัยรัตน์ ยอดพรมหรือ “ปู่มหามุนี” ทำให้เกิดเหตุชุลมุนหลังจากนั้นนายชัยรัตน์เองนำไม้ยาวขึ้นมาปกป้องตัวเองจนเกิดเหตุชุลมุน ผู้สื่อข่าวต้องเข้าไปแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน. นอกจากนี้, ยูทูบเบอร์ที่เป็นฝั่งลุงพลได้เกิดความวุ่นวายทำให้เหล่าแฟนคลับลุงพลร้องไห้ออกมา. คำวินิจฉัยสุดท้ายของศาลพิพากษาได้ประกาศในวันที่ 20 ธันวาคม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน.

ขอบคุณพยานปากเอกทั้งหลายที่ทำให้ความจริงของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการหายตัวของน้องชมพู่ได้รับการยืนยัน. นายอนามัย วงศ์ศรีชา และนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พ่อและแม่ของน้องชมพู่ได้มาร่วมฟังคำพิพากษาและโผเข้ากอดต่อหน้าศาล. นายวงศ์ศรีชาเป็นพยานที่สำคัญที่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวันที่น้องชมพู่หายตัว.

ในที่สุด, คำพิพากษาจากศาลชั้นต้นได้ถูกทราบว่ามีความเห็นแย้ง 2 ท่าน และศาลได้ทำการยกฟ้องในคำพิพากษา. ทนายความทีมนั้นยังมีข้อสงสัยต่างๆที่ยังคงเอ่ยถึง แต่ยังไม่ได้ยื่นอุทธรณ์. หลังจากนี้, ทีมทนายความจะทำการคัดถ่ายคำพิพากษาที่สมบูรณ์มาก่อนที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป.

นอกจากนี้, พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. 1 ในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ได้เปิดเผยว่ามีหลายข้อสาระสำคัญจากพยานหลักฐานทั้ง 8 ข้อ. ข้อสรุปที่ได้รับความสนใจสำหรับทีมงานคือเส้นทางที่น้องชมพู่ลากตัวขึ้นไปในที่ที่มีเนินชันมาก, พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่ไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ, ประสบการณ์ของชาวบ้านที่ยืนยันถึงความยากลำบากของเส้นทาง, และข้อมูลจากแพทย์ที่ยืนยันว่าพัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้. นอกจากนี้, ยังมีการแนะนำให้ทีมทนายความรับราชการดูแลข้อสาระทั้งหมดเพื่อให้ทราบถึงความลึกซึ้งของเหตุการณ์.

ทางทีมทนายความกำลังเตรียมอุทธรณ์ในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อนำสู่ขั้นตอนที่ถัดไป. สายใหม่ของคดีนี้จะต้องผ่านศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในจังหวัดขอนแก่น และคาดว่าอาจใช้เวลา 1-2 ปีในการดำเนินการ. สุดท้าย, ญาติและแฟนคลับได้มีพิธีผูกแขนบายศรีสู่ขวัญลุงพลและป้าแต๋น ในที่ที่มีการจัดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม.

ขอบคุณบทความจาก : ข่าวลุงพล